top of page

How to : วิธีอ่านปีผลิต Date code Hermes Stamp แบรนด์สุดหรูจากปารีส !



Cafebrandname ให้ความสำคัญกับการอ่านปีของกระเป๋า หรือข้อมูลสำคัญของกระเป๋า เนื่องจากกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นสินค้าที่มีมูลค่ามาก ทำให้มีสินค้าปลอมแปลง ละเมิดลิขสิทธิ์ออกมามากมายไม่เว้นแม้แต่ตลาดขายแบรนด์เนมมือสอง โดยเฉพาะแบรนด์สุดหรูอย่าง HERMES กระเป๋า Hermes ทั้งหมดมีตราประทับวันที่ กระเป๋าประเภทต่างๆ จะแสดงรหัสวันที่ในพื้นที่เฉพาะของตนเอง แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับปี โดยจะสามารถใช้ในการตรวจสอบความได้ว่ากระเป๋า Hermès เป็นของแท้หรือไม่

แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ กระทั่ง Date Stamp ก็ถูกปลอมได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงไม่สามารถอ้างอิงจาก Date Stamp เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูรายละเอียดอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการตัดสินใจว่า “กระเป๋า Hermès ใบนั้นเป็นของแท้หรือไม่นั่นเอง” โดยจะมีสแตมป์อันเป็นสัญลักษณ์อยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้กับช่องเปิดกระเป๋า แสตมป์นี้จะมาในสีทองหรือสีเงินเพื่อให้สอดคล้องกับรุ่นกระเป๋าที่กำหนด


และวันนี้มาถึงคิวกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูอย่าง Hermes ที่เราจะมาอธิบายถึง Hermes Stamp ซึ่งเป็นสิ่งที่จะบอกปีผลิตได้เหมือนกระเป๋าหลุยส์ ชาแนล กุชชี่ ฯลฯ ที่เราเคยอธิบายไป


แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรื่อง Hermes Stamp กัน ต้องขออธิบายก่อนว่าตัว Stamp นี้ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ

  1. Date Stamp จะเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษหมายถึงปีที่ผลิต

  2. Crafts man Stamp เป็นรหัสของช่างฝีมือแต่ละคน


โดยตำแหน่งของ Hermes Stamp นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งและจะแตกต่างกันไปในกระเป๋าแต่ละใบ เช่น

  1. สายรัดกระเป๋าด้านหน้า

  2. ในกระเป๋าด้านขวามือ

  3. ด้านหลังกระเป๋า




การอ่าน Hermes Stamp
  • ช่วงปี 1992 - 1944 จะไม่มีการกระทับตราหรือ Hermes Stamp แสตมป์ลงไปบนกระเป๋า เนื่องจากยุคนั้นยังไม่มีการทำสัญลักษณ์ในรูปแบบของสแตมป์

  • ช่วงปี 1945 - 1970 Hermes Stamp เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียว



Hermes สแตมป์

A : ผลิตปี ค.ศ. 1945

B : ผลิตปี ค.ศ. 1946

C : ผลิตปี ค.ศ. 1947

D : ผลิตปี ค.ศ. 1948

E : ผลิตปี ค.ศ. 1949

F : ผลิตปี ค.ศ. 1950

G : ผลิตปี ค.ศ. 1951

H : ผลิตปี ค.ศ. 1952

I : ผลิตปี ค.ศ . 1953

J : ผลิตปี ค.ศ. 1954

K : ผลิตปี ค.ศ. 1955

L : ผลิตปี ค.ศ. 1956

M : ผลิตปี ค.ศ. 1957

N : ผลิตปี ค.ศ. 1958

O : ผลิตปี ค.ศ. 1959

P : ผลิตปี ค.ศ. 1960

Q : ผลิตปี ค.ศ. 1961

R : ผลิตปี ค.ศ. 1962

S : ผลิตปี ค.ศ. 1963

T : ผลิตปี ค.ศ. 1964

U : ผลิตปี ค.ศ. 1965

V : ผลิตปี ค.ศ. 1966

W : ผลิตปี ค.ศ. 1967

X : ผลิตปี ค.ศ. 1968

Y : ผลิตปี ค.ศ. 1969

Z : ผลิตปี ค.ศ. 1970


  • ช่วงปี 1971 - 1996 Hermes Stamp เป็นวงกลมล้อมรอบตัวอักษร


Year in Circle

A in Circle 1971

B in Circle 1972

C in Circle 1973

D in Circle 1974

E in Circle 1975

F in Circle 1976

G in Circle 1977

H in Circle 1978

I in Circle 1979

J in Circle 1980

K in Circle 1981

L in Circle 1982

M in Circle 1983

N in Circle 1984

O in Circle 1985

P in Circle 1986

Q in Circle 1987

R in Circle 1988

S in Circle 1989

T in Circle 1990

U in Circle 1991

V in Circle 1992

W in Circle 1993

X in Circle 1994

Y in Circle 1995

Z in Circle 1996


  • ช่วงปี 1997 - 2014 Hermes Stamp เป็นสี่เหลี่ยมล้อมรอบตัวอักษร

Year in Square

A in Square 1997

B in Square 1998

C in Square 1999

D in Square 2000

E in Square 2001

F in Square 2002

G in Square 2003

H in Square 2004

I in Square 2005

J in Square 2006

K in Square 2007

L in Square 2008

M in Square 2009

N in Square 2010

O in Square 2011

P in Square 2012

Q in Square 2013

R in Square 2014


  • ช่วงปี 2015 ถึงปัจจุบัน Hermes Stamp นำเอาเพียงแค่ตัวอักษรภาษาอังกฤษ มาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนปีที่ผลิตกระเป๋า โดยไม่มีกรอบสี่เหลี่ยม หรือวงกลมล้อมรอบตัวอักษรภาษาอังกฤษอีกต่อไป

T 2015

X 2016


A 2017


C 2018

D 2019

Y 2020


Z 2021


U 2022


B 2023


การอ่าน Hermes Stamp แบบใหม่

อาจจะมีข้อสงสัยนะคะว่า ตัวอักษรในช่วงปีแรกกับปีล่าสุดนั้นเป็นตัวอักษรเหมือนกัน จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของช่วงปีไหน จะสังเกตุได้ง่ายๆว่าถ้าเป็นปี 2017 - ปัจจุบัน จะมีเป็นชุดตัวอักษรภาษาอังกฤษในรูปแบบ L LL NNN ซึ่งจะแตกต่างจากช่วงปี 1971-1991 ที่มีแค่ตัวอักษรตัวเดียว


โดยตัวอักษร L ตัวแรก จะแทนปีของกระเป๋า และตัวอักษร 2 ตัวถัดมาและชุดตัวเลขนั้นจะแทนรหัสของช่างหรือผู้ผลิตกระเป๋า


ต่อไปก็อาจจะมีความงงอีกว่าทำไมต้องระบุรหัสของช่างผู้ผลิตด้วยล่ะ ? คำตอบคือถ้าส่งกระเป๋าไปสปาหรือซ่อมกับช็อป Hermes ทางช็อปก็จะพยายามนำกระเป๋าไปซ่อมโดยช่างฝีมือคนเดียวกันกับที่สร้างกระเป๋าใบนั้นนั่นเองค่ะ


Date Stamp บนกระเป๋า Hermès จะมาพร้อมกับ Date Stamp บนหนังอีกหนึ่งชิ้น หากกระเป๋าใบนั้นทำจากหนังจระเข้ หนังจระเข้ตีนเป็ด หนังนกกระจอกเทศ หนังกิ้งก่า หรือกระเป๋าสั่งทำพิเศษ เป็นต้น


Hermes Stamp สแตมป์บอกหนังสัตว์พิเศษ
  • หนังแอลลิเกเตอร์อเมริกา สัญลักษณ์ที่ใช้คือสี่เหลี่ยมจัตุรัส (☐) ถัดจากโลโก้ Hermès


  • หนังจระเข้น้ำเค็ม สัญลักษณ์ที่ใช้คือกะรัต (^) ถัดจากโลโก้ Hermès



  • หนังจระเข้แม่น้ำไนล์ สัญลักษณ์ที่ใช้คือจุดไข่ปลา (..) ถัดจากโลโก้ Hermès


  • หนังลิซาร์ดแม่น้ำไนล์ สัญลักษณ์ที่ใช้คือขีด (-) ถัดจากโลโก้ Hermès


  • หนังลิซาร์ด สัญลักษณ์ที่ใช้คือขีด (=) ถัดจากโลโก้ Hermès


  • หนังนกกระจอกเทศ จะไม่มีตราประทับใดๆเพื่อระบุประเภท เนื่องจากเป็นหนังที่สามารถระบุประเภทได้ดีที่สุด




สแตมป์พิเศษ Hermes Stamp
  • สัญลักษณ์เกือกม้า คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นเป็นสินค้าที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เป็นOrder พิเศษ



  • สัญลักษณ์ดาว คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า นี่คือผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการใช้งานส่วนตัวของช่างฝีมือ Hermes


  • สัญลักษณ์สำหรับสินค้าลดราคา เป็นสัญลักษณ์ตัว S ที่ย่อมาจากคำว่า Sale บางครั้งอาจมีตัวเลข ตัวอักษรอื่นๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อบ่งบอกว่าสินค้าชิ้นนี้ขายในราคาพิเศษให้กับพนักงาน



Hermes แตกต่างจากแบรนด์อื่นตรงที่ไม่ได้มีใบหรือการ์ดมาด้วย การอ่านตราประทับจึงเป็นหนึ่งในวิธีตรวจสอบกระเป๋าเบื้องต้น โดยเฉพาะในรุ่น Kelly , Birkin ที่มีของปลอมออกมาขายกันเกลื่อนกลาดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่การอ่านตราประทับนั้นเป็นแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น การจะพิจารณาแท้-ปลอมของแอร์เมสนั้นต้องใช้ความละเอียดมากๆ แต่ข้อมูลอื่นๆก็ยังสามารถปลอมแปลงกันได้อยู่ดีค่ะ ตรงจุดนี้ต้องอาศัยความระวังและความละเอียดมาก

เอาเป็นว่าหากท่านอยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมมือสองสวยๆ สภาพดีๆ และกำลังมองหาร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง หรือร้านรับซื้อกระเป๋าแบรนด์ ร้านฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ที่ไว้ใจได้ น่าเชื่อถือ ส่งของจริง Cafebrandname รับซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ลูกค้าซื้อไปอยากเปลี่ยน อยากขาย ก็สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าในร้านได้ค่า


หากอ่านบทความ วิธีอ่าน Hermes Stamp นี้แล้วอยากจะอ่าน Date code ของกระเป๋าแบรนด์อื่นๆด้วย ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่า






 

Comments


bottom of page